บูกัตติ เป็นอีกค่ายรถยนต์ระดับโลกที่ผลิตรถสปอร์ตระดับไฮเอนด์ออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ให้คนรักรถและรักความเร็วได้สัมผัสประสบการณ์ความแรงและแพง รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการขับขี่อย่างน่าทึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และในครั้งนี้ก็จะพาไปรู้จักกับ ETTORE BUGATTI ชายผู้เป็นตำนานอีกคนของแวดวงรถสปอร์ต เรื่องราวของเขาจะน่าสนใจอย่างไรไปติดตามกันเลย
ETTORE BUGATTI กับชีวิตวัยเด็กและโศกนาฎกรรมครอบครัว
ETTORE BUGATTI เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี ค.ศ. 1881 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เขาเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวที่ทำงานด้านศิลปะ โดยพ่อและแม่ของเขาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในอิตาลีสมัยนั้น ส่งผลให้เขากับพี่ชายชื่อ REMBRANDT เติบโตมาท่ามกลางงานศิลปะ ซึ่งน้องชายของเขาก็กลายเป็นช่างปั้นและแกะสลักเมื่อเติบโตขึ้น ในขณะที่ ETTORE ดูให้ความสนใจกับงานก่อสร้างและยานยนต์มากกว่าและช่วงต้นการประกอบอาชีพเมื่อโตขึ้นมาก็คืองานเกี่ยวกับการออกแบบรถยนต์รวมทั้งอะไหล่กับชิ้นส่วนรถยนต์ต่างๆ ด้วย ผลงานการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้เขาถูกดึงตัวไปร่วมงานที่โรงงานผลิตรถยนต์ LORRAINE-DIETRICH
ปี ค.ศ.1909 ETTORE ได้ก่อตั้งโรงงานรถยนต์เป็นของตัวเองครั้งแรกที่เมือง MOLSHEIM ในภูมิภาค ALSACE ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมัน และเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงในเรื่องการออกแบบรถยนต์จากทักษะและพรสวรรค์ทางด้านศิลปะของเขา ซึ่งเป็นรถยนต์ในตำนานสุดคลาสสิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายรุ่น โดยเฉพาะรถแข่ง เช่น BUGATTI TYPE13 BRESCIA SPORT RACING, BUGATTI TYPE 35B, BUGATTI TYPE 10 เป็นต้น
ETTORE แต่งงานกับภรรยาคนแรก BARBARA MARIA และมีลูกด้วยกันทั้งหมด 4 คน ภายหลังเมื่อภรรยาเสียชีวิตเขาก็แต่งงานใหม่และมีลูกอีก 2 คน เหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจมากในครอบครัว ETTORE เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อลูกชายคนหนึ่ง JEAN BUGATTI ทายาทคนที่มีพรสวรรค์เรื่องยานยนต์ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะทดสอบรถยนต์ BUGATTI Type 27 TANK BODIED RACER ในวัย 30 ปี
จากนั้นไม่นานบริษัทก็ประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจยุคหลังสงครามโลก ETTORE จึงตัดสินใจย้ายโรงงานไปที่ปารีส และขณะกำลังออกแบบรถรุ่นใหม่เขาก็เสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ปี ค.ศ.1947
ETTORE BUGATTI กับการออกแบบรถในตำนาน
ช่วงที่มีชีวิตอยู่ ETTORE BUGATTI ได้สร้างผลงานออกแบบรถออกมาหลายรุ่น ทั้งรถแข่งและรถยนต์นั่งทั่วไป ซึ่งบางรุ่นก็กลายเป็นต้นแบบของรถยนต์รุ่นใหม่และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรถยนต์มาจนทุกวันนี้ เช่น BUGATTI Type 57SC ATLANTIC ซึ่งจัดอยู่ในรถที่หายากอันดับต้นๆ ของยุคนี้เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายอีกทั้งยังผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันในโลก ส่งผลให้มูลค่าของบูกัตติรุ่นนี้สูงถึงหลักพันล้านเลยทีเดียว เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือเป็นผลงานการออกแบบร่วมกันระหว่าง ETTORE กับ JEAN ลูกชายของเขา แม้ว่าจะเป็นรถที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1936 หรือ 85 ปีมาแล้ว แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสมรรถนะในสมัยนั้น บูกัตติรุ่นนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 200 กม./ชม บวกกับรูปลักษณ์สีดำเรียบหรูดูสง่างามน่าเกรงขามสมกับเป็นรถยนต์ในตำนานของบูกัตติ
บูกัตติในยุคใหม่ภายหลังการล่วงลับของ ETTORE BUGATTI
หลังจาก ETTORE BUGATTI ล่วงลับไป ลูกชายคนหนึ่งของเขา ROLAND BUGATTI ก็พยายามจะเข้ามารับช่วงต่อและฟื้นฟูกิจการแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จนัก และส่งผลให้ต้องขายกิจการให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ในฝรั่งเศส แล้วหลังจากนั้นต่อมาในปี ค.ศ.1987 ROMANO ARTIOLI ก็เข้ามาซื้อแบรนด์บูกัตติเพื่อนำไปรีแบรนด์อีกครั้งภายใต้ชื่อ BUGATTI AUTOMOBILI SPA และมีการออกแบบรถยนต์บูกัตติรุ่นแรกภายใต้ยุคใหม่นี้ นั่นคือ BUGATTI EB110 GT ชื่อตัวย่อ EB ก็หมายถึง ETTORE BUGATTI นั่นเอง ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้คือ เป็นรถแข่งที่ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ (MICHAEL SCHUMACHER) นักแข่งรถฟอร์มูล่าวันชื่อดัง ได้ซื้อไปเป็นเจ้าของด้วย กิจการของบูกัตติช่วงปี ค.ศ.1987-1995 ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในแง่ของการตลาดเท่าใดนัก ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าสู่การฟื้นฟูอีกครั้งในยุคใหม่โดยภายใต้การบริหารของ โฟล์คสวาเกนกรุ๊ป ในชื่อ BUGATTI AUTOMOBILES SAS แล้วก็เริ่มเข้าสู่ยุคที่บูกัตติสามารถกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง และมีซุปเปอร์คาร์ที่สร้างชื่อมาจนทุกวันนี้ เช่น VEYRON, CHIRON เป็นต้น
